คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย
แม้ว่าขณะนี้ “อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน” กำลังมีคะแนนนิยมนำเหนือ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” 9 - 10% แล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถมีชัยชนะในการเลือกตั้งในครั้งนี้ได้หรือไม่ เพราะเวลายังคงเหลืออยู่อีกเกือบ 100 วัน
แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าขณะนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็กำลังใจเต้นตุ้มๆต่อมๆหายใจไม่ค่อยสะดวก เพราะต้องเผชิญกับความท้าทายต่อปัจจัยหลักๆถึงห้าด้านด้วยกันอันได้แก่ ปัจจัยเรื่องการถดถอยของภาวะเศรษฐกิจ ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 เรื่องคะแนนนิยมของโจ ไบเดนกำลังนำค่อนข้างสูง เรื่องเม็ดเงินที่ใช้ในการต่อสู้หาเสียงกำลังคู่คี่สูสีกัน และยังปรากฏอีกด้วยว่าอเมริกันชนไม่พึงพอใจประธานาธิบดีทรัมป์มากถึงห้าสิบหกเปอร์เซ็นต์!!!
การเลือกตั้งทุกยุคทุกสมัยปัจจัยที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศ โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ จีดีพีของสหรัฐฯถดถอย -4.8% ซึ่งถือว่าตกต่ำและแย่มากที่สุดเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่มีวิกฤติการเงินเกิดขึ้นเมื่อปี 2009
ส่วนภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯไตรมาสที่สองกลับร่วงหนักมากขึ้นไปอีก โดยถดถอยถึง -32.9% ซึ่งอาจจะมีความเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก็เป็นไปได้ ส่วนด้านการลงทุนด้านอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งนับเป็นกระดูกสันหลังของสหรัฐฯก็ลดถดถอยลงไปถึง 38.7% นับว่าต่ำสุดตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
อนึ่งประธานาธิบดีทรัมป์มีความหวังและตั้งใจมาโดยตลอดว่า ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะสามารถฟื้นตัวได้
แถมงบประมาณในการใช้เยียวยาเกี่ยวกับโรคโควิด-19 และการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ถือว่าน้อยเกินไป อีกทั้งในวุฒิสภาก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้ถึงงบประมาณการเยียวยาผลกระทบในรอบสอง จึงเป็นผลทำให้ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯขณะนี้ซบเซาตกต่ำแบบสุดๆ!!!
และการกล่าวกระหน่ำแบบซ้ำสองซ้ำสามซ้ำสี่จาก “ดร.แอนโทนี ฟาวซี”ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อของสหรัฐฯ ที่ว่า “หากมีการสั่งปลดล็อกดาวน์เร็วเกินไป อาจจะเป็นการเสี่ยงอย่างมากมายมหาศาล และจำนวนของผู้ติดเชื้อจะเพิ่มสูงขึ้น” โดยคำกล่าวของท่านเอาไว้เมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมานี้ ได้เกิดขึ้นแล้ว เพราะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงมากขึ้นถึง 4,601,526 คน และมีผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดร้ายแรงนี้ไปแล้วกว่าแสนห้าหมื่นคน
โดยที่ผ่านมา ดร.ฟาวซี่ พยายามเรียกร้องชักชวนให้อเมริกันชนทุกๆคนสวมใส่หน้ากาก เพื่อปกป้องการติดเชื้อและการแพร่กระจายของโรค ซึ่งความคิดเห็นของนายแพทย์ท่านนี้ขัดแย้งกับประธานาธิบดีทรัมป์แบบเดินสวนทางอยู่คนละฝั่งคลองตลอดมา เพราะประธานาธิบดีทรัมป์มักจะพูดอยู่เสมอๆว่า โรคโควิด-19 ไม่เป็นอันตรายมากมายเท่าใด และในไม่ช้าเชื้อโรคนี้ก็จะมลายหายไปเอง!!!
แต่ล่าสุดนี้ “ดร.เดบราห์ เบิร์ซ์”ผู้ประสานงานทีมเฉพาะกิจเพื่อรับมือต่อการระบาดของโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว ซึ่งที่ผ่านมาเธอใช้หลักแบบประนีประนอมโอนอ่อนผ่อนตาม และยังเป็นตัวกลางคอยประสานความขัดแย้งระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับดร.ฟาวซีมาโดยตลอด แต่ปรากฏว่าเธอได้ออกไปให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ว่า “ปัจจุบันนี้สภาพการณ์ของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯกำลังมีอัตราความเสี่ยงเป็นอย่างมากและดูเหมือนว่าจะไม่มีใครปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว”
และเมื่อดร.เบิร์ซ์พูดจบลงไปไม่นานปรากฏว่าประธานาธิบดีทรัมป์ก็ได้โพสต์โจมตีเธอลงในทวิตเตอร์ตามฟอร์มเดิม แต่ไม่นานอีกเช่นกันดร.ฟาวซี่ก็ได้ออกโรงมากล่าวปกป้องเธออย่างทันท่วงที
และเมื่อหันกลับไปมองถึงปัจจัยหลักสำคัญๆข้อต่อไปที่ถือว่าเป็นอาวุธสำคัญนั้น ก็คงหลีกไม่พ้นปัจจัยด้านเม็ดเงินที่ใช้ในการรณรงค์หาเสียง โดยที่ผ่านๆมาค่ายของประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับเงินบริจาคมากเหนือกว่าโจ ไบเดน แต่เกมกำลังพลิกผันเพราะขณะนี้ปรากฏว่า ค่ายของโจ ไบเดนกำลังมีเงินบริจาคตามมาติดๆ และจากการรายงานของซีเอ็นเอ็น เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมนี้เปิดเผยออกมาว่า เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมายอดเงินบริจาคค่ายของโจ ไบเดนมีจำนวน 141 ล้านเหรียญ ส่วนของประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับเงินบริจาค 131 ล้านเหรียญ แต่ในไตรมาสที่ 2 ค่ายของโจ ไบเดนได้รับเงินบริจาค 282.1 ล้านเหรียญ ส่วนค่ายของประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับเงินบริจาค 266 ล้านเหรียญ
แถมเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา “อดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา” ได้เปิดเผยว่า “ ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาข้าพเจ้าหาเงินบริจาค เพื่อใช้สมทบการหาเสียงให้แก่ อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ 24 ล้านเหรียญ”
เมื่อมองและวิเคราะห์ในภาพรวมของปัจจัยหลักๆทั้งห้าประการแล้วนั้น จะเห็นได้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์กำลังเสียเปรียบอดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นอย่างยิ่ง อาจจะเนื่องมาจากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องเผชิญกับปัญหาที่ถาโถมใส่ดั่งมรสุมคลื่นลูกใหญ่ที่ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังซบเซาถดถอย เผชิญกับปัญหาโรคระบาดโควิด 19 ปัญหาที่คะแนนนิยมของเขาเองกำลังซบเซาลดต่ำลงไปเรื่อยๆ และกับปัญหาสงครามเม็ดเงินบริจาคที่คู่แข่งเริ่มสูสีตีเคียงคู่มากับเขา
ทั้งนี้อาจจะเป็นผลทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์คิดหนักวางแผนการณ์โพสต์ลงในทวิตเตอร์กล่าวเป็นนัยๆเมื่อวันพฤหัสที่แล้วว่า “อยากจะขอเลื่อนการเลือกตั้งออกไป”จนกลายเป็นข่าวใหญ่ แต่กลับปรากฏว่านักการเมืองทั้งพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตไม่เห็นด้วยออกมาต่อต้าน แต่ท้ายที่สุดเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์เห็นว่าไม่มีใครเล่นด้วย เลยจำต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ผลักดันให้เลขาธิการทำเนียบขาวออกมาแถลงว่า “การเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายนที่กำลังจะถึงอีกไม่นานนี้แน่นอน” และยังทำให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าประธานาธิบดีทรัมป์มิใช่เป็นผู้นำที่ดี เพราะไม่มีผู้ตาม
อนึ่งขณะนี้โจ ไบเดน ก็มีความกังวลด้วยเช่นกันถึงการที่ต้องใคร่ครวญคิดตรึกตรองว่า จะเลือกใครในตำแหน่งรองประธานาธิบดี ที่ขณะนี้มีนักการเมืองสุภาพสตรีที่อยู่ในข่ายตัวเต็งที่จุดสตาร์ตรอการเข้าวินถึง 13 คน โดยเขาสร้างความสับสนและงงงันมาตลอดๆ เพราะแรกเริ่มเดิมทีเขาดำริที่จะประกาศในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ แต่ปรากฏเรื่องราวนั้นว่ายังมิได้เกิดขึ้น จนทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา หรือไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้ตำแหน่งว่าที่รองประธานาธิบดีของเขาถูกโจมตีเร็วเกินไป หรืออาจจะเป็นเพราะเขาต้องการจะเลือกเฟ้นผู้ที่เหมาะสมที่สุดพร้อมที่จะเข้าไปสวมบทบาทประธานาธิบดีได้อย่างทันท่วงที หากเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา
ส่วนการตัดสินใจของโจ ไบเดน ระหว่างการโต้วาทีกับเพื่อนนักการเมืองในพรรคเดียวกันเมื่อเดือนมีนาคม ที่เขาดำริถึงการต้องการจะเลือกเอาสุภาพสตรีนั้น มองๆดูแล้วเป็นการตัดสินใจพลาดต้องจ่ายค่าหลุดปากพูดด้วยราคาอันแสนแพง เพราะยังมีนักการเมืองสุภาพบุรุษหลายๆคนที่ส่องแววฉายแสงว่ามีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่จะเข้าไปสวมบทบาทตำแหน่งรองประธานาธิบดีและยังมีความสามารถเรียกคะแนนนิยมได้ดีมากกว่าบรรดานักการเมืองสตรีที่เป็นตัวเต็งทั้งหลายแหล่ ดังเช่น ผู้ว่าฯแอนดรูว์ คูโอโม ที่เขาบริหารจัดการกับการระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างยอดเยี่ยมในสายตาของคนอเมริกันทั่วประเทศ!!!
กล่าวโดยสรุปถึงแม้ว่าขณะนี้อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังมีความได้เปรียบเหนือประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในหลายๆด้านก็ตามที แต่ต้องไม่ลืมอีกด้วยเช่นกันว่า ประธานาธิบดีทรัมป์อาจจะซ่อนอาวุธลับซุกเก็บเอาไว้ โดยเขาอาจจะนำออกมาใช้ เพื่อพิชิตชัยพลิกเกมการเมืองให้ตนเองเดินเข้าสู่ทำเนียบขาวได้อีกวาระหนึ่ง อย่างที่ใครๆก็เข็มขัดสั้นคาดไม่ถึงละครับ
"ด้านอุตสาหกรรม" - Google News
August 08, 2020 at 12:10AM
https://ift.tt/2XFdyWs
บทเรียนราคาแสนแพงของโจ ไบเดน - สยามรัฐ
"ด้านอุตสาหกรรม" - Google News
https://ift.tt/2XRQMK3
No comments:
Post a Comment